ตำนานสกินแคร์วัย 20-40 ไม่ว่าผ่านไปกี่ปีก็ยังต้องตำ

เริ่มต้นปีใหม่ทั้งทีหาของขวัญดี ๆ เป็นสกินแคร์สุดปังให้กับตัวเองกันดีกว่าค่าทุกคน โดยวันนี้ ChoiceChecker มี 6 สกินแคร์ในตำนาน ที่สาว ๆ วัย 20-40 ควรตำมาฝากกันด้วยค่ะ! โดยเราคัดมาให้แล้วว่าดีจริง ตามคำจำกัดความของ ChoiceChecker ที่ว่า “ส่วนผสมดี นวัตกรรมเลิศ และเป็นมิตรกับผิว”

ก่อนจะไปดูว่าสกินแคร์ที่ ChoiceChecker เลือกมาในวันนี้มีอะไรบ้างนั้น เรามาดูปัญหาที่คนวัย 20 ปลาย ๆ ถึง 30 ปลาย ๆ  มักเจอกันบ่อย ๆ ก่อนดีกว่า แน่นอนว่าความแปรปรวนของผิวจะมีมากกว่าตอนที่เราเป็นวัยทีน หรือ 20 ต้น ๆ อย่างแน่นอน อายุมากขึ้นเซลล์ผิวจะเริ่มฟื้นฟูตัวเองได้ช้าลง ผิวจะ sensitive ง่ายขึ้น ฝ้า กระ จุดด่างดำก็เริ่มที่จะมีรบกวนใจ ผิวที่เริ่มแห้งอีก แล้วพอผิวแห้งก็มีปัญหาเรื่องริ้วรอยตามมาเป็นชุดเลยจ้า ก็นั้นแหละค่ะอายุที่มากขึ้นอะไรอะไรก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่ใช่ว่าเราจะไม่มีวิธีชะลอความเปลี่ยนแปลงนี้นะ กำเงินให้พร้อมแล้วไปดูสกินแคร์ที่เรานำมาแนะนำกันเลย!

มาเริ่มกันที่ฝั่งของ drug store กันก่อนเลยดีกว่า จัดมาแบบน่ารัก ๆ แต่คุณภาพอัดแน่นเต็มกระปุก

Cerave Moisturising Cream (ขนาด 454 g. / ราคา 795 บาท)

Cerave เป็นแบรนด์เวชสำอางจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1995 โดยถูกคิดค้นและพัฒนาร่วมกับแพทย์ผิวหนังมาโดยเฉพาะ ซึ่งตัวนี้ก็โดดเด่นในเรื่องของ “เซราไมด์” เช่นกัน แต่มากกว่าที่เป็นนวัตกรรมคืนเซราไมด์ที่จำเป็นให้กับผิวถึง 3 ชนิด โดยส่วนผสมของ Cerave จะสกัดจากพืชธรรมชาติทั้งหมด พร้อมผสานไฮยาลูรอนิกแอซิด เพื่อเข้าช่วยชดเชยความชุ่มชื้นและเซราไมด์ที่ขาดหายไป นอกจากนี้ยังเสริมเทคโนโลยี MVE ลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์เข้าไปช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวไว้ได้อย่างยาวนาน จึงไม่จำเป็นต้องทาซ้ำบ่อย ๆ แต่ก็ได้ผิวที่ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา เห็น Cerave Moisturising Cream กระปุกใหญ่แบบนี้ไม่มีสารพาราเบนที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวนะคะ สามารถใช้ได้ทั้งกับผิวหน้าและผิวกายเลย สาวคนไหนที่ใช้ชีวิตอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ หรือว่าขี้เกียจทาครีมบ่อย ๆ กระปุกนี้ must have ที่เราแนะนำเลยค่า
 

Curel Intensive Moisture Care Intensive Moisture Cream (ขนาด 40 g. / ราคา 1,000 บาท)

อีกหนึ่งแบรนด์เวชสำอางอันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ใหญ่อย่าง Kao ที่โดดเด่นในเรื่องการค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับ “เซราไมด์” ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการคงความชุ่มชื้นให้กับผิวของคนเรา และยังเป็นเกราะปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้ค้นพบว่า “ใบยูคาลิปตัส” ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างเซราไมด์ได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นจึงได้เกิดเวชสำอางอย่าง Curel ที่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาผิวบอบบางแพ้ง่ายแบรนด์แรกของประเทศญี่ปุ่นขึ้นมานั้นเอง เมื่ออายุมากขึ้นผิวก็เริ่มไม่แข็งแรงเมื่อก่อน เพราะซาราไมด์ในผิวมีการเสื่อมสภาพลงตามวัย ปัญหาที่จะตามมาก็คือผิวบองบาง แพ้อะไรง่ายขึ้น บางคนอาจจะแห้งจนลอกและเป็นขุย ผิวไม่ชุ่มชื้น และพอผิวไม่ชุ่มชื้น ปัญหาใหญ่ที่จะตามมานั้นก็คือ “ริ้วรอย” นั้นเองค่ะ โดยครีมทุกตัวของ Curel จะมีส่วนผสมที่ชื่อว่า Bis-Methoxypropylamido Isodocosane และ Cetyl-PG Hydroxyethyl Palmitamide ซึ่งมีคุณสมบัติเสมือน “เซราไมด์” ซึมลึงเข้าสู่ชั้นผิวช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ปกป้องผิวจากความแห้งกร้านและอาการแพ้ได้อย่างอยู่หมัด Curel Intensive Moisture Care Intensive Moisture Cream ครีมบำรุงผิวตัวนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งกับสาว ๆ ตั้งแต่วัย 20 ปลาย ๆ ถึง 40  ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย และเริ่มมีริ้วรอยบาง ๆ จัดไปก่อนที่ริ้วรอยร่องลึกจะถามหานะจ๊ะ
 

Eucerin Ultrawhite+ Spotless Double Booster Serum (ขนาด 30 ml. / ราคา  2,100 บาท)

ต่อกันที่ยูเซอริน แบรนด์ที่มีมายาวนานตั้งแต่ปี 1982 โดยถือกำเนิดมาจากร้านขายยาในประเทศเยอรมัน เริ่มจากการคิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อผิวแพ้ง่ายเพื่อใช้ในวงการแพทย์ผิวหนังมาเป็นเวลา 8 ปี ภายใต้ชื่อแบรนด์ ไบเออร์สด๊อรฟ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “ยูเซอริน” และยังคงยึดหลักการในการทำผลิตภัณฑ์ทุกตัวว่าต้องผ่านการทดสอบทางการแพทย์ว่าไม่ทำให้เกิดอาการแพ้และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแลปัญหาผิว และทุกสภาพผิว ก่อนนำออกมาจำหน่าย

และสำหรับสาววัย 20 ปลาย ๆ ถึง 40  คนไหนที่เริ่มมีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ตอนนี้ต้องจัดไปกับ Eucerin Ultrawhite+ Spotless Double Booster Serum ตัวนี้เลยค่ะ เป็นนวัตกรรมเซรั่มบำรุงผิวที่ผสาน 2 พลังเซรั่มเข้มข้นไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่เก็บแยกกันเพื่อคงความสดใหม่ ให้ประสิทธิภาพสูงสุดทุกครั้งที่ใช้งาน โดย 2 เซรั่มที่ว่านี้ประกอบไปด้วย

• Thiamidol หลอดสีชมพูทอง ช่วยลดเลือนปัญหาฝ้าแดดหนาลึก และจุดด่างดำที่ต้นตอได้ดีกว่า 10 เท่า โดยไม่ทำให้ผิวไวต่อการเกิดจุดด่างดำ และช่วยลดการกลับมาเป็นซ้ำอีก

• Pure Hyaluron หลอดสีขาว ช่วยฟื้นบำรุงเติมความอิ่มฟูทุกมิติ เผยผิวกระจ่างใสขึ้น เปล่งประกายใน 2 สัปดาห์

ที่นี้มาดูฝั่งของเคาน์เตอร์แบรนด์กันบ้างดีกว่า ราคาก็จะปังขึ้นมาอีกนิด แต่รับรองว่าใช้เสร็จหน้าจากวัย 30+ จะลดเหลือ 20+ ทันที! ว่าไป๊~
 

Albion Eclafutur Essence (ขนาด 60 ml. / ราคา 5,000 บาท)

เริ่มกันที่แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Albion (อัลบีออน) แบรนด์นี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1956 เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและได้รับความไว้วางใจจากสาว ๆ ญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ด้วยนิยามของผิวสวยที่ทางแบรนด์ได้กล่าวได้ก็คือ “ผิวสวยคือผิวที่สุขภาพดีและนุ่มนวล” โดยหนึ่งในไอเทมเด็ดที่ขายดีมาก ๆ ของ Albion ก็คือ Eclafutur Essence ตัวนี้นี่แหละ นางเป็น pre-serum หรือว่า “น้ำตบ” ที่ได้รับรางวัลจาก @cosme ถึง 3 ปีติดต่อกัน โดดเด่นตรงการใช้เทคโนโลยีไมโครแคปซูลที่มีอนุภาคขนาดเล็กมากักเก็บสารสกัดอย่าง Okinawa wild grape (องุ่นป่าจากโอกินาว่า) และ Theobroma Grandiflorum seed oil (น้ำมันจากเมล็ดกูปูวาซู) ทำให้สารสกัดทั้ง 2 มีประสิทธิภาพในการบำรุงที่ล้ำลึกในระดับเซลล์ผิว Albion Eclafutur Essence ตัวนี้จะช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในให้กลับมากระจ่างใส ชุ่มชื้น พร้อมซ่อมแซมผิวและกระตุ้นเซลล์ผิวให้กลับมาเรียบเนียน ผลลัพธ์จะค่อย ๆ เห็นผลทีละนิด สาว ๆ คนไหนที่ชอบการบำรุงที่หวังผลแบบระยะยาวตัวนี้เป็นตัวที่ห้ามพลาดเด็ดขาด

Decorté Moisture Liposome Hydration Boosting Serum (ขนาด 60 g. / ราคา 3,950 บาท)

อีกหนึ่งสกินแคร์สัญชาติญี่ปุ่นสุดพรีเมี่ยมที่มีมายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ จะเรียกว่าเป็นตัวแม่ของสกินแคร์ญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ โดย ดีคอร์เต้ เป็นแบรนด์แรกที่พัฒนาเทคโนโลยี Liposome (ลิปโปโซม) ซึ่งเป็นระบบนำส่งสารในรูปแบบลักษณะถุงกลม ๆ ขนาดเล็กระดับไมโคร กล่าวง่าย ๆ ก็คือมันจะช่วยทำให้สกินแคร์ที่เราต้องการจะบำรุงสามารถลงลึกได้ถึงชั้นผิว ซึ่ง liposome ก็มีองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกับผิวของคนเรา จึงทำให้สารออกฤกธิ์ได้ดีและตรงจุดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ไม่แปลกที่จะเรียกมันว่า “กุญแจสู่ผิวสวยชุ่มชื้นสุขภาพดี” และสำหรับ Decorté Moisture Liposome Hydration Boosting Serum ที่แน่นอนว่านอกจากจะมีเทคโนโลยี liposome ในขวดนี้แล้ว ก็ยังมีนวัตกรรมสุดล้ำอย่าง Multi-layered Liposome ที่เข้าบำรุงผิวด้วยวิธีที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ทั่วไป ตอบโจทย์เรื่องความชุ่มชื้นให้กับทุกสภาพผิว พร้อมช่วยปรับสมดุลของผิวและเอื้อให้ผลิตภัณฑ์บำรุงอื่น ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับสาวสายพรีเมี่ยม เจ้าแม่ผู้นำเทคโนโลยี ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งตัวที่ไม่อยากให้พลาดโดยเด็ดขาด เพราะได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ๆ จากคนที่ได้ทดลองใช้

Estee Lauder Advanced Night Repair Synchronized Multi-Recovery Complex (ขนาด 75 ml. / ราคา 6,000 บาท)

ปิดท้ายกับเซรั่มขายดีตลอดกาลที่มีมาตั้งแต่ปี 1982 สำหรับสาววัย 30 คนไหนที่อยากมีผิวอ่อนเยาว์ ดูมีสุขภาพดี เปล่งปลั่ง และเรียบเนียน ต้องจัดไปเลยค่ะกับตัวนี้ เพราะนางถือว่าเป็นเซรั่มในตำนานอีกตัวเลยแหละ ไม่ว่าจะปีไหนก็ต้องมีชื่อ Estee Lauder ANR ติดโพลตลอดทุกปี! และต่อจะให้ Estee Lauder มีการปรับสูตร เปลี่ยนแปรงอะไรไปมากแค่ไหน แต่จุดเด่นที่ทำให้เซรั่มตัวนี้ไม่เหมือนตัวอื่นและยังคงเป็นลูกรักของหลาย ๆ คน นั้นก็คือ ChronoluxCB™ Technology* ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Estee Lauder ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรคุ้มครองจนถึงปี 2033 นั้นเองค่ะ

สำหรับ Estee Lauder Advanced Night Repair Synchronized Multi-Recovery Complex ตัวนี้เป็นการปรับสูตรครั้งที่ 5 (ปี 2020) ก็เพื่อประสิทธิภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยใช้เทคโนโลยี Chronolux™ Power Signal ช่วยฟื้นบำรุงเส้นริ้วให้แลดูจางลงได้รวดเร็วกว่าที่เคยหลังใช้เพียง 3 สัปดาห์ และอัพเดทจากสูตรก่อนด้วยการเพิ่มส่วนผสมอย่าง Adansonia Digitata Seed Extract ลงไปเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้ผิวได้รู้สึกกระชับกว่าที่เคย แต่ ANR สูตรใหม่นี้ก็ยังคงสารสกัดเด่น ๆ อย่าง Bifida Ferment Lysate ที่มีมากถึง 20%, Lactobacillus Ferment, Tripeptide-32, Yeast Extract และ Hydrolyzed Algin ซึ่งจะช่วยในเรื่องการทำงานของเซลล์ผิวให้ทำงานได้ตามปกติ สำหรับสาววัย 30 คนไหนที่ยังไม่เคยได้ลอง Estee Lauder ANR ไม่ควรรอช้ากับสูตรใหม่นี้ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ตอบโจทย์อายุอย่างเราสุด ๆ

*ChronoluxCB™ Technology ประกอบด้วย caffeine, yeast extract, echinacea purpurea extract และ water/hydrolyzed align

เป็นยังไงกันบ้างกับ 6 ตัวที่ ChoiceChecker คัดมาให้เพื่อน ๆ ในวันนี้ ขอบอกว่าทุกตัวคือดีงาม~ เป็น Top product ที่ปี 2021 นี้ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เพื่อน ๆ ลองตัดสินใจเลือกช้อปกันตามปัญหาผิวและสภาพคล่องในกระเป๋ากันได้น้า สำหรับครั้งหน้าจะมีตัวเด็ดตัวดังตัวไหนมาแนะนำกันอีกก็อย่าลืมติดตามกันนะ